Mon. May 6th, 2024
0 0
Read Time:4 Minute, 47 Second

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.)เปิดเผยว่า สำนักสำรวจและออกแบบ ได้ดำเนินโครงการสำรวจและออกแบบปรับปรุงและแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางหลวงหมายเลข 37 สายเลี่ยงเมืองชะอำ ระยะทาง 47.348 กิโลเมตร(กม.)งบประมาณก่อสร้าง 7,000 ล้านบาท แล้วเสร็จ โดยในปี 66 ได้รับงบประมาณ 106 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างทางแยกต่างระดับจำนวน 2 แห่ง คือ แยกห้วยตะแปด 50 ล้านบาท และแยกช้างแทงกระจาด 56 ล้านบาท ซึ่งตามแผนวงเงินก่อสร้างทางแยกต่างระดับทั้ง 2 แห่ง ต้องใช้งบประมาณรวม 530 ล้านบาท แบ่งเป็น แยกห้วยตะแปด 250 ล้านบาท และแยกช้างแทงกระจาด 280 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะดำเนินการในปีงบประมาณ 67-68 ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี

สำหรับโครงการสายเลี่ยงเมืองชะอำนี้ มีจุดเริ่มต้นโครงการที่ กม. 0+000 แยกออกจากทางหลวงหมายเลข 4(ถนนเพชรเกษม)บริเวณทางแยกต่างระดับชะอำมุ่งลงสู่ภาคใต้ (ด้านทิศตะวันตกของชะอำและหัวหิน) ผ่านห้วยตะแปด แยกข้างแทงกระจาด มหาวิทยาลัยศิลปากร แยกวัดห้วยมงคล ที่ว่าการอำเภอหัวหิน และสิ้นสุดบรรจบถนนเพชรเกษม บริเวณทางแยกต่างระดับวังยาวที่ กม.47+348.260 ครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัด 3 อำเภอ ได้แก่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และ อ.หัวหิน และ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

รูปตัดทางหลวงของโครงการขยายทางเป็นทางหลวงขนาด 6 ช่องจราจร (ไป-กลับทิศทางละ 3 ช่องจราจร) กว้างช่องละ 3.50 เมตร ไหล่ทางด้านนอกกว้าง 2.50 เมตร ไหล่ทางด้านในกว้าง 1 เมตร แบ่งทิศทางจราจรด้วยกาะกลางแบบกดเป็นร่อง (Depressed Median)กว้าง 10.60 เมตร และติดตั้งคอนกรีตแบริเออร์ (Concrete Barrier)บริเวณขอบไหล่ทางด้านในทั้งสองฝั่ง

รูปแบบทางแยกต่างระดับตลอดเส้นทางโครงการมีทางแยกสำคัญที่ทางหลวงโครงการตัดกับถนนของกรมทางหลวงชนบท(ทช.)และถนนท้องถิ่น ซึ่งได้ออกแบบเป็นทางแยกต่างระดับจำนวน 6 แห่ง โดยรูปแบบเป็นทางลอดและวงเวียนทางกลับรถบริเวณใต้สะพานดังนี้

1.ทางแยกต่างระดับคลองชลประทานที่ กม.2+111.476 (จุดตัดถนนเลียบคลองชลประทาน) 2.ทางแยกต่างระดับห้วยตะแปดที่ กม.10+530.384 (จุดตัดทางหลวงชน บท พบ.1001) 3.ทางแยกต่างระดับข้างแทงกระจาดที่ กม.16+838.098 (จุดตัดทางหลวงชน บท พบ.1010) 4.ทางแยกต่างระดับมหาวิทยาลัยศิลปากรที่ กม.19+450.735 (จุดตัดถนนท้องถิ่น) 5.ทางแยกต่างระดับที่ว่าการอำเภอหัวหินที่ กม.33+989.081 (จุดตัดทางหลวงชนบท ปช.2043) และ 6.ทางแยกต่างระดับหนองไผ่ที่ กม.39+173.753 (จุดตัดทางหลวงชนบท ปช.2030)คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

สำหรับการออกแบบจัดการจราจรท้องถิ่นและการกลับรถ ได้พิจารณาจากความต้องการในการใช้จุดกลับรถของประชาชนเป็นหลัก โดยมีรูปแบบจุดกลับรถและตำแหน่งจุดกลับรถ ดังนี้

รูปแบบที่ 1 รูปแบบจุดกลับรถแบบสะพานบก เป็นการก่อสร้างสะพานบกบนทางหลวงโครงการให้ถนนท้องถิ่นลอดผ่านและกลับรถ ออกแบบให้มีความสูงเพียงพอที่รถประเภทต่าง ๆ สามารถลอดผ่านได้ เพื่อให้ประชาชนใช้งานได้สะดวกและปลอดภัย มีจำนวน 11 แห่ง คือ 1.กม.3+388.809 (หุบกะพง) 2.กม.5+000 (ถนนท้องถิ่นไปวัดหุบกะพง) 3.กม.6+600 (จุดกลับรถเดิม) 4.กม.8+115 (ช.บ่อแขม) 5.กม.13+440.944 (ศูนย์พัฒนาห้วยทราย) 6.กม.14+906 (ทางเข้า บ.หนองข้าวนก) 7.กม.21+650 (วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเพชรบุรี) 8.กม.23+496.412 (ถนนท้องถิ่นไปบ้านสามพันนาม) 9.กม.25+428.725 (ซ.วัดวังโบสถ์/สวนน้ำBlack Moutain)10.กม.36+650 (ทางเข้าอ่างเก็บน้ำปราณบุรี) และ 11.กม.41+974.850 (ทางเข้า บ.ทุ่งเสือนอน)คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

รูปแบบที่ 2 จุดกลับรถใต้สะพานข้ามคลอง เป็นการก่อสร้างจุดกลับรถใต้สะพานข้ามคลอง ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนในท้องถิ่นใช้ระบบกลับรถในโครงการให้มีความปลอดภัยขึ้น มี 4 แห่ง คือ 1.กม.11+427.731 (ห้วยตะแปด) 2.กม.18+768 (ห้วยมะกอก) 3.กม.31+804.200 (ห้วยหอย) และ 4.กม.43+351.448 (ห้วยนาตะคลอง) และ รูปแบบที่ 3 จุดกลับรถแบบท่อลอดเหลี่ยม ได้ออกแบบตามข้อเสนอแนะของประชาชน เพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยได้ออกแบบให้รถขนาดเล็ก รถจักรยานยนต์(จยย.)สามารถลอดผ่านได้รวมถึงเป็นทางเดินลอดของสัตว์เลี้ยงในพื้นที่โครงการด้วย มี 2 แห่งคือ 1.กม.24+050 (บ.สามพันนาม) 2.กม.32+325 (บ.เขาเสวยราชย์)

นอกจากนี้ ได้ออกแบบปรับภูมิทัศน์บริเวณทางแยกต่างระดับบริเวณวงเวียน เพื่อให้เกิดความร่มรื่นและสวยงาม รวมถึงได้ออกแบบเกาะและทางเดินลอดใต้สะพานเป็นพื้นคอนกรีตพิมพ์ลาย (Stamped Concrete) ให้มีสีสันสวยงาม

สายเลี่ยงเมืองชะอำ จะเป็นอีกโครงข่ายหนึ่งที่สำคัญในการเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างภาคกลางและภาคใต้ เนื่องจากมีสถานที่สำคัญหลายแห่ง ทั้งพื้นที่ธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม โดดเด่น เป็นอัตลักษณ์ระดับนานาชาติ ส่งผลให้มีปริมาณการจราจรหนาแน่นโดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วนและในช่วงวันหยุดเทศกาล จากผลการสำรวจข้อมูลปริมาณการจราจรปี 63 อยู่ในช่วง 29,000 คันต่อวัน เพิ่มขึ้นเป็น 34,9000 คันต่อวัน ในปี 69 และเป็น 53,300 คันต่อวัน ในปี 87

ประกอบกับปัจจุบันเส้นทางมีขนาด 4 ช่องจราจร (ไป-กลับทิศทางละ 2 ช่องจราจร) รวมทั้งสภาพภูมิประเทศที่เส้นทางตัดผ่านเป็นพื้นที่ราบ เส้นทางส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่นอกเมือง บางช่วงจะมีชุมชน สถานประกอบการและสถานที่ราชการอยู่บริเวณริมเขตทาง ดังนั้นเพื่อลดปัญหาความคับคั่งของการจราจรและยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จึงเร่งรัดโครงการดังกล่าว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจราจรและยกระดับถนนปลอดภัยในพื้นที่เส้นทางท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันตกอย่างยั่งยืน

เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรสายหลักและเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมขนส่งในอนาคตระหว่างภูมิภาค สนับสนุนยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ซึ่งเป็นเมืองเป้าหมายด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่สำคัญอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 (ปี 66-70) ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย หากระบบคมนาคมขนส่งมีประสิทธิภาพจะเป็นกลไกและเครื่องมือที่สำคัญขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนตามนโยบายรัฐบาลและนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

By admin